PQS ประเมินตลาดแป้งมันปี 67-69 โต 3-5% ปัจจัยหนุนอุตสาหกรรมอาหารฟื้น

PQS ประเมินตลาดแป้งมันปี 67-69 โต 3-5% ปัจจัยหนุนอุตสาหกรรมอาหารฟื้น

“พรีเมียร์ ควอลิตี้ สตาร์ช” คาดการณ์ตลาดแป้งมันปี 67-69 โต 3-5% ได้รับปัจจัยสนับสนุนอุตสาหกรรมอาหารฟื้น เดินเครื่องโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลังดัดแปรแห่งใหม่ที่มุกดาหาร ต่อยอดธุรกิจปลายน้ำ เพิ่มกำลังการผลิต ขยายฐานลูกค้าต่างประเทศ คาดรายได้ กำไรฟื้นก้าวกระโดด

นายรัฐวิรุฬห์ ชาญจึงถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีเมียร์ ควอลิตี้ สตาร์ช จำกัด (มหาชน) หรือ PQS ผู้ผลิตและจำหน่ายแป้งมันสำปะหลังชั้นพิเศษ (Premium Grade ) และแป้งดัดแปร (Modified Starch) เปิดเผยว่า ว่า มีการคาดการณ์ว่าในปี 2567-2569 ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังตลาดในประเทศ จะมีปริมาณขยายตัว 3-5% ต่อปี  จากแรงหนุน ของภาคอุตสาหกรรมอาหารที่คาดว่าจะขยายตัวตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง

ขณะที่ Mordor Intelligence คาดว่า มูลค่าตลาดอนุพันธ์แป้งดัดแปร (Derivatives) และสารให้ความหวานทั่วโลก จะเติบโตเฉลี่ย (CAGR 2565–2568) ราว 5.2% ต่อปี ส่วนปริมาณมันสำปะหลังสด คาดว่าจะหดตัว 1-2% จากปีก่อนจากผลกระทบภัยแล้ง

ทั้งนี้ไทยเป็นผู้ผลิตและส่งออกแป้งมันสำปะหลังรายใหญ่ของโลก โดยปลูกมันสำปะหลังราว 8 ล้านไร่ ใน 48 จังหวัดทั่วประเทศ มีผลผลิตมันสำปะหลังสดราว 30 ล้านตัน/ปี ซึ่งมากกว่า 80% นำไปแปรรูปเป็นแป้งมันสำปะหลัง โดยในปี 2566 ประเทศไทยมีมูลค่าการส่งออก 52,578 ล้านบาท

ปัจจุบันโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลังของบริษัท มีอัตราการใช้กำลังการผลิตเพียง 65-66% ของกำลังการผลิตทั้งหมด 252,000 ตัน/ปี ยังสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้อีกเป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันบริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตรองรับแนวโน้มการเติบโตตามอุตสาหกรรม ประกอบด้วย PQS ประเมินตลาดแป้งมันปี 67-69 โต 3-5% ปัจจัยหนุนอุตสาหกรรมอาหารฟื้น

  • การก่อสร้างโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลังที่ จังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อขยายกำลังการผลิตเพิ่มอีก 120,000 ตัน/ปี
  • การก่อสร้างโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลังดัดแปร ที่จังหวัดมุกดาหาร เพื่อต่อยอดผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังในธุรกิจปลายน้ำ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มผลิตได้ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2567
  • การก่อสร้างโรงไฟฟ้าจากก๊าซขีวภาพ กำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 2 เมกกะวัตต์ เป็นโครงการต่อเนื่องจากโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลังแห่งใหม่ เพื่อเน้นนำของเสียจากการผลิตมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม

โดยทั้ง 3 โครงการคาดว่าจะแล้วเสร็จและพร้อมดำเนินการปีนี้ ทำให้มียอดกำลังการผลิตรวมของแป้งแปรรูปพื้นฐาน เพิ่มขึ้นเป็น 370,000 ตัน/ปี โดยปีนี้ตั้งเป้าหมายเพิ่มอัตราการใช้กำลังการผลิตให้ได้ 75% ของกำลังการผลิตทั้งหมด ซึ่งจะทำให้บริษัทมียอดขายและรายได้เพิ่มขึ้น

“มั่นใจว่าจะสร้างการเติบโตของรายได้และกำไร ด้วยการขยายกิจการไปสู่ธุรกิจที่มีมูลค่าสูง เพื่อเพิ่มมาร์จินบริษัทเพิ่มขึ้น คือ ธุรกิจแป้งมันสำปะหลังดัดแปร รวมทั้งขยายฐานลูกค้าไปตลาดใหม่ต่างประเทศที่มีศักยภาพสูง“ นายรัฐวิรุฬห์ กล่าว

นอกจากนี้ นำเสนอผลการดำเนินงาน ในงานบริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุน Opportunity Day โดยระบุว่า ผลประกอบการในไตรมาส 4/2566 บริษัทมีกำไรสุทธิ 77.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 112.9% จากไตรมาสก่อนหน้า เป็นผลมาจากรายได้จากการขายที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากราคาขายมันสำปะหลัง ประกอบกับมีปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น

ส่วนผลการดำเนินงานงวดปี 2566 มีกำไรสุทธิ 135.83 ล้านบาท เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไร 283.7 ล้านบาท เนื่องจากรายได้จากการขายรวมที่ลดลง สอดคล้องปริมาณแป้งที่ผลิตได้น้อยลง จากผลกระทบด้านการขาดแคลนวัตถุดิบ อันเกิดจากผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศและโรคพืช ส่งผลให้ต้นทุนวัตถุดิบปรับตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์  

นอกจากนี้ รายได้ของบริษัทยังได้รับผลกระทบจากการส่งออกหดตัว ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแรง และเปราะบางจากสงครามที่เกิดขึ้น การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนต่ำกว่าคาดหมาย  เรื่องเหล่านี้ กดดันการส่งออกของไทย ให้ต่ำลงในทุกอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่ารายได้และกำไรปี 2567 จะสามารถฟื้นตัวกลับมาอยู่ในทิศทางที่ดีขึ้น